ส้มโอ เป็นพืชผลที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ เนื่องจากสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรในแต่ละปีได้ไม่น้อย อย่างไรก็ตาม การปลูกส้มโอก็มีความท้าทาย โดยเฉพาะในเรื่องการติดดอกที่มักเกิดขึ้นได้ยาก จึงต้องอาศัยทั้งความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ของผู้ปลูกในการสังเกตและปรับปรุงแนวทางเพื่อส่งเสริมการติดดอกและผลิตผลคุณภาพดีส่งต่อไปยังผู้บริโภค ทั้งนี้ คุณประดิษฐ์ สุขนาม ได้พัฒนาวิธีดูแลต้นส้มโอด้วยสูตรปุ๋ยเฉพาะ ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี วิธีการทำ 1. ในช่วงที่ต้นส้มโอกำลังเริ่มออกดอก ให้ทำการตากดินให้แห้งประมาณ 20 วัน 2. ใส่ปุ๋ยสูตร 12-24-24 ในอัตรา 2 กิโลกรัมต่อต้น โดยใช้ทุกๆ 15 วัน 3. ฉีดพ่นแคลเซียมโบรอนร่วมกับฮอร์โมนไข่ สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้: ช่อดอกส้มโอจะร่วงน้อยลง ผลส้มโอจะมีขั้วเหนียว ทำให้ผลดก ใหญ่เต็มที่ และลดการหลุดร่วงได้อย่างมีประสิทธิภาพ สายพันธุ์ส้มโอ ในอดีต เกษตรกรไม่กล้าปลูกส้มโอพันธุ์ขาวใหญ่จำนวนมาก เนื่องจากยังขาดความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับพันธุ์นี้ ย้อนกลับไปประมาณ 40 ปีก่อน ส้มโอขาวใหญ่ให้ผลผลิตน้อยและออกผลเพียงปีละครั้งในช่วงหน้าแล้ง ทำให้เกษตรกรหันไปปลูกพันธุ์อื่นที่ให้ผลผลิตดีกว่า เช่น พันธุ์ขาวแป้นหรือขาวนนท์ ซึ่งสามารถให้ผลได้ถึง […]
Category: ปลูกผลไม้
ปลูกมะยงชิดให้ได้กำไร
มะยงชิดเป็นผลไม้ที่ปลูกแล้วได้เก็บเกี่ยวปีละครั้ง แม้จะใช้เวลานาน แต่ก็คุ้มค่าด้วยรสชาติอร่อยและราคาที่ดี เพราะมีโอกาสรับประทานเพียงครั้งคราว ราคาจึงสูงและทำกำไรได้ดี พอเข้าสู่ช่วงปีใหม่ ผลไม้นานาชนิดก็จะเต็มสวนจริง ๆ แล้ว ผลไม้ในช่วงนี้เริ่มติดดอกออกผลมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน มะยงชิดก็เช่นเดียวกัน เมื่ออากาศเริ่มเย็นติดต่อกันเป็นเวลา 7-10 วัน ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ยอดมะยงชิดก็จะเริ่มเห็นดอก หลังผ่านไปประมาณ 3 เดือนนับแต่ฤดูหนาวเริ่มต้น ก็จะได้เห็นผลผลิตที่พร้อมเก็บกินเต็มสวน บางส่วนก็มีวางขายในตลาดแถบใกล้บ้าน ทุกปี มะยงชิดจะออกดอกเป็นสองถึงสามรุ่น รุ่นแรกจะออกดอกในเดือนพฤศจิกายนและเก็บผลได้ประมาณปลายเดือนมกราคม รุ่นที่สองจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมและสามารถเก็บเกี่ยวได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ แต่หากปีไหนอากาศเย็นนานก็จะมีรุ่นที่สาม ซึ่งดอกจะเริ่มออกต้นเดือนมกราคมและเก็บเกี่ยวในเดือนมีนาคม หากมีการปลูกหลายต้น อาจได้ผลผลิตรับประทานกันหลายเดือน เนื่องจากแต่ละต้นอาจติดดอกไม่พร้อมกัน มะยงชิดเป็นผลไม้ที่ปลูกแล้วได้เก็บเกี่ยวปีละครั้ง แม้จะใช้เวลานาน แต่ก็คุ้มค่าด้วยรสชาติอร่อยและราคาที่ดี เพราะมีโอกาสรับประทานเพียงครั้งคราว ราคาจึงสูงและทำกำไรได้ดี พอเข้าสู่ช่วงปีใหม่ ผลไม้นานาชนิดก็จะเต็มสวนจริง ๆ แล้ว ผลไม้ในช่วงนี้เริ่มติดดอกออกผลมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน มะยงชิดก็เช่นเดียวกัน เมื่ออากาศเริ่มเย็นติดต่อกันเป็นเวลา 7-10 วัน ช่วงเดือนตุลาคมถึงธันวาคม ยอดมะยงชิดก็จะเริ่มเห็นดอก หลังผ่านไปประมาณ 3 เดือนนับแต่ฤดูหนาวเริ่มต้น ก็จะได้เห็นผลผลิตที่พร้อมเก็บกินเต็มสวน บางส่วนก็มีวางขายในตลาดแถบใกล้บ้าน ทุกปี มะยงชิดจะออกดอกเป็นสองถึงสามรุ่น รุ่นแรกจะออกดอกในเดือนพฤศจิกายนและเก็บผลได้ประมาณปลายเดือนมกราคม รุ่นที่สองจะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคมและสามารถเก็บเกี่ยวได้ปลายเดือนกุมภาพันธ์ […]
การปลูกต้นว่านพญานาคราช
เริ่มว่านพญานาคราชเป็นพืชที่เรามักจะพบเห็นทั่วไปในยีสต์ใกล้ที่แอตแลนติกและในส่วนของเอเชียนั้นและจุดศูนย์กลางของที่นั่นและจากนั้นจะมีอยู่หลายคุณพื้นที่ของต้นว่านพญานาคราชมี ประสิทธิภาพในการบรรเทาจากสัต ว์มี (งูเห่าโดยระบบควบคุมมาระบบควบคุมสีขาวหรือน้ำซาวข้าวแล้วใช้พอกแผลเพื่อการบรรเทาความปวด คุณสมบัติเป็นยาเย็นแต่ไม่ได้ดูดโดยตรง สำหรับวิธีการขยายพันธุ์ นิยมใช้การปักชำบ่อยครั้งที่ต้นมีตาดอกรอบ ๆ เหมือนเกิดหน่อใหม่ได้ส่วนที่มีรสชาติในสภาพแสงน้อยอาจแตกกิ่งและกลายเป็นต้นใหม่ได้ปกติปกติวิธีขยายพันธุ์และอาจลดลงได้เป็น บทความยาวประมาณ 2-4 อย่าลืมใช้ขี้เถ้าทาปิดแผลเพื่อกำจัดยางก่อนปลูกหรืออ่านในที่ร่มก็จะแตกหน่อง่าย สำหรับสมุนไพรเลือกดินที่เพื่อให้รากแตกเร็วขึ้นและแห้งช้าดินผสมสำหรับพืชตระกูลถั่วหรือดินใบก้ามปูคาสิโนกาบมะพร้าวสับจะเหมาะสำหรับการเลือกใช้แบบฉลุที่มีรูรอบๆน้ำ และอากาศผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพการดูแลอาจทำให้ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเล็กน้อยบนผิวดินแต่ระวังไม่ให้ปุ๋ยละลายช้าใส่รอบโคนต้นช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเปลี่ยนดินทุก 3-4 เดือนเนื่องจากดินที่แน่น เกินไปจะทำให้โคนรากแห้งและอ่อนแอเพียงแค่นั้น ต้นว่านพญานาคราชเป็นพืชที่ต่อเนื่องกันทั่วไปในหมู่เกาะยักษ์ใกล้ยักษ์แอตแลนติกและในส่วนของเอเชียและศูนย์กลางของระบบอีกครั้งในช่วงแรกๆ… วิธีอื่น ๆ ที่เป็นพืชทนได้ก็คือการแตกหน่อจากทุก ๆ คุณสมบัติ การขยายพันธุ์อาจตัดเป็นภาพวาดยาวประมาณ 5 ซม. ทายางบริเวณแผลด้วยขี้เถ้าเป็นเวลานานเพื่อให้ยางนั้นสามารถปลูกหรือพักได้ที่ร่มก็สามารถแตกหน่อใหม่ได้ สำหรับการดูแลให้ต้นพญานาคราชเติบโตอย่างงอกงามเป็นจำนวนมากเป็นไม้อวบน้ำสามารถควบคุมกระบองเพชร ดูแลจึงแนะนำให้โดยแนะนำให้ปลูกในถังเพื่อการจัดการที่ง่ายใช้วัสดุปลูกที่เจาะดีเพราะน้ำจะทำให้ต้นเน่าได้ ในช่วงเวลาที่มีอุณหภูมิสูงการได้รับแสงแดดน้อยเป็นเวลานานเกินไปก็ทำให้เกิดการเน่าเสียจากองค์ประกอบของการเน่าเสีย เริ่มว่านพญานาคราชมีปัญหาและแมงศัรูพืชน้อยยกเว้นหนูและสัตว์ฟันแทะที่อาจส่งผลต่อเหตุผลในฤดูฝนควรวางหม้อสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตรหรือมากกว่านั้นอีกครั้งที่เห็นได้ชัด และควรเปลี่ยนดินควรใช้หม้อ ที่ระบายได้ดีเพื่อให้สามารถเริ่มต้นได้ตามปกติ
การปลูกแก้วมังกร
เทคนิคการกระตุ้นให้แก้วมังกรออกผลนอกฤดูนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ต้นแก้วมังกรจัดเป็นพืชในตระกูลตะบองเพชรที่ชื่นชอบแดดจัด มักให้ผลผลิตช่วงเดือนเมษายนถึงตุลาคม แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว วันที่สั้นลงและแดดลดเหลือไม่ถึง 6 ชั่วโมง กลายเป็นปัจจัยที่ทำให้การผลิตผลช่วงนี้เป็นเรื่องท้าทาย สำหรับวิธีปลูกแก้วมังกรนอกฤดูที่นิยมใช้ในเชิงพาณิชย์ มีอยู่ 2 วิธีหลัก ดังนี้ 1. ใช้ฮอร์โมนกระตุ้นให้ต้นแก้วมังกรออกดอก โดยการแต้มฮอร์โมนตามหนามของต้นเพื่อเร่งการออกดอก ฮอร์โมนที่นิยมใช้ส่วนใหญ่เป็นประเภทไซโตไคนิน ซึ่งมีวางจำหน่ายทั่วไป ขั้นตอนคือ กรีดแผลบริเวณที่ต้องการกระตุ้น จากนั้นใช้พู่กันแต้มฮอร์โมนบริเวณบาดแผล แล้วรอให้เกิดตาดอก แนะนำให้กรีดแผลในบริเวณที่ต่ำกว่ายอดของกิ่งแก้วมังกรเล็กน้อย 2. การเปิดไฟช่วยในช่วงกลางคืน วิธีนี้จะช่วยเพิ่มจำนวนชั่วโมงแสงในหน้าหนาว โดยเปิดไฟประมาณ 6 ชั่วโมงต่อคืน เมื่อกลางวันสั้นลง แสงไฟจะเสริมให้ต้นแก้วมังกรได้รับแสงเพียงพอและเพิ่มความอบอุ่น ทำให้สามารถกระตุ้นการเกิดผลผลิตได้ดี โดยควรมุ่งเปิดไฟบนต้นที่มีความสมบูรณ์แข็งแรงเท่านั้น การเพิ่มปริมาณแสงด้วยไฟหลอกสามารถทำได้ทุกช่วง ไม่จำกัดเฉพาะฤดูหนาว แต่ไม่ควรเปิดไฟหลอกทั้งปี เพราะอาจส่งผลเสีย เช่น เพิ่มค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า และทำให้ต้นแก้วมังกรอ่อนแอจากการเร่งผลิตผลมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลต่อรุ่นถัดไป ไม่ว่าจะเป็นปริมาณ ความหวาน หรือคุณภาพน้ำหนักของผลผลิต นอกจากวิธีดังกล่าว การใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมและการดูแลต้นให้แข็งแรง ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้การปลูกแก้วมังกรนอกฤดูประสบความสำเร็จอย่างมีคุณภาพ การกระตุ้นให้แก้วมังกรออกผลนอกฤดูไม่ยากเกินไป เนื่องจากแก้วมังกรเป็นพืชในตระกูลตะบองเพชรที่ชอบแสงแดดจัด โดยปกติจะให้ผลผลิตตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม อย่างไรก็ตาม ในช่วงฤดูหนาวที่มีแสงแดดน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน อาจทำให้การผลิตผลเป็นเรื่องท้าทาย […]
เพาะกล้ามะพร้าวต้นเตี้ย
ขั้นตอนปลูกมะพร้าวเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีนั้นไม่ซับซ้อนและสามารถทำได้ง่ายด้วยตนเอง หากใส่ใจในกระบวนการต่างๆ จะช่วยให้ได้ต้นมะพร้าวที่มีคุณภาพดี ตรงกับความต้องการ เริ่มจากการเลือกพันธุ์ที่ดี นำมาเพาะอย่างเหมาะสม และดูแลอย่างใกล้ชิด เริ่มแรก เลือกสวนมะพร้าวพันธุ์ดีที่ตรงกับความต้องการ ควรเลือกสวนที่เป็นแหล่งปลูกมะพร้าวพันธุ์เดียวกันและมีจำนวนมาก เพื่อป้องกันการกลายพันธุ์ หากเป็นสวนที่ปลูกเพื่อการค้า ย่อมมีโอกาสได้รับต้นพันธุ์ที่มีคุณภาพมากกว่า สวนควรมีต้นอายุไม่ต่ำกว่า 15 ปี และใช้วิธีการดูแลอย่างเหมาะสม ต้นที่เลือกควรไม่มีรค หรือแลงรบด ถ้าแหล่งที่เลือกไม่ได้เป็นสวนมะพร้าวเพื่อการค้า อาจต้องพิจารณาตามความเหมาะสม แต่ผลผลิตอาจไม่แน่นอนเท่าสวนเชิงพาณิชย์ ต่อมา การเลือกต้นพันธุ์ที่ดีที่สุด ควรเจาะจงต้นที่ให้ผลดกสม่ำเสมอตลอดทั้งปี โดยควรศึกษาประวัติผลผลิตย้อนหลัง 3-4 ปี นอกจากนี้ ต้นพันธุ์ควรอยู่บริเวณกลางสวนเพื่อลดโอกาสการผสมข้ามสายพันธุ์ และไม่ควรอยู่ใกล้พื้นที่ที่มีแหล่งสารอาหารเสริม เช่น ใกล้บ้านหรือคอกสัตว์ เพราะอาจทำให้คุณภาพต้นพันธุ์แตกต่างจากต้นอื่นในสวน ลักษณะต้นควรลำต้นตรง แข็งแรง ปล้องถี่ พุ่มใบเป็นวงกลมหรือครึ่งวงกลม มีจั่นผลอย่างน้อย 10 จั่น และให้ผลมีขนาดใหญ่กับลักษณะเปลือกและเนื้อที่เหมาะสม ส่วนผลพันธุ์ควรไม่มีรคหรือรอยแตกเสียหาย การเตรียมผลพันธุ์ก่อนเพาะ ควรปาดเปลือกด้านหัวออกให้มีขนาดใกล้เคียงผลส้มเขียวหวาน เพื่อช่วยให้น้ำซึมเข้าไปในผลมะพร้าวได้ดีขณะเพาะ และทำให้หน่องอกง่ายขึ้น หากผิวผลยังไม่แก่จัด ให้ผึ่งในที่ร่มจนเปลือกเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แล้วค่อยนำไปเพาะ ควรเตรียมผลคร่าวๆ ไว้เผื่อประมาณ 2 เท่าของจำนวนหน่อที่ต้องการ เพราะมีโอกาสพบว่าผลบางส่วนอาจไม่งอกหรือหน่อไม่สมบูรณ์ […]
การปลูกมะเขือย าว
ดินที่เหมาะสำหรับการปลูกควรมีค่าความเป็นกรด-ด่าง (pH) ที่อยู่ในช่วง 5.5-6.5 โดยเฉลี่ยแล้ว พืชผลสามารถให้ผลผลิตได้ยาวนานถึงประมาณ 2 ปี แต่ปัจจุบันพืชชนิดนี้มีราคาค่อนข้างสูงและหาซื้อได้ยาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสภาพอากาศในพื้นที่เพาะปลูกไม่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ผลผลิตลดลงหรือคุณภาพไม่ดี มีลักษณะแคระแกร็นหรือผิดรูป และในบางครั้งยังเกิดภาวะขาดตลาดอีกด้วย สำหรับผู้ที่ปลูกไว้บริเวณบ้าน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า เพราะสามารถใช้บริโภคเองได้ และการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก ทั้งในกระถางหรือปลูกลงแปลงดินก็ได้ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติทางสมุนไพรที่หลากหลาย เช่น ลำต้นและรากช่วยแก้บิดเรื้อรัง อุจจาระเป็นเลือด หรือรักษาแผลอักเสบ ใบนำไปต้มดื่มแก้ปัสสาวะขั ด และรักษารคหนองใน ใบสดก็ตำพอกแผ ลหนองเพื่อบรรเทาอาการ ส่วนผลแห้งสามารถทำเป็นยาเม็ดรักษาอาการปวดหรือตกเลือดในลำไส้ ขณะที่ขั้วผลแห้งสามารถเผาเป็นเถ้าบดละเอียดและใช้เป็นยาได้ การปลูกเพื่อให้ได้ผลผลิตเร็วและมีคุณภาพ ต้องเริ่มต้นจากการเตรียมดินอย่างเหมาะสม เพราะพืชตระกูลมะเขือมีความต้องการธาตุอาหารจากดินในปริมาณมาก โดยเฉพาะธาตุอาหารหลัก หากเป็นการปลูกลงแปลง ควรเริ่มจากปรับหน้าดินให้เรียบ ผสมดินกับปุ๋ยคอกในอัตรา 1:1 และพูนดินหรือขุดร่องลึกประมาณ 20 นิ้ว ตากดินให้แห้งประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนนำมาผสมกับปุ๋ยเพื่อกลบลงในร่อง ส่วนปลูกในกระถาง ควรรองก้นกระถางด้วยปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักครึ่งกระถาง แล้วกลบด้วยดินผสมปุ๋ยหมักอีกชั้น สำหรับการเพาะกล้า สามารถหว่านเมล็ดลงแปลงโดยตรง หรือถ้าปลูกในกระถาง ให้หยอดเมล็ด 2-3 เมล็ดต่อกระถางแล้วกลบด้วยดินผสมบาง ๆ […]
วิธีการปลูกมะเขือเปราะ
การปลูกมะเขือเปราะได้รับความนิยมด้วยวิธีที่ง่ายและให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม หากสามารถหาต้นมะเขือพวงหรือต้นไม้ในตระกูลมะเขือที่มีอายุยืนมาใช้ในการเสียบยอดหรือทาบกิ่งได้ จะช่วยเพิ่มคุณค่าและความหลากหลาย โดยบทความนี้มีเป้าหมายเพื่อแนะนำขั้นตอนการเสียบยอดและการทาบกิ่ง เพื่อให้คุณสามารถปลูกมะเขือหลากชนิดในต้นเดียวกัน น่าสนใจใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นติดตามเคล็ดลับดีๆ ในการปลูกกันได้เลย **วิธีปลูกมะเขือเปราะจากเมล็ด** เริ่มจากการเลือกเมล็ดที่คุณภาพดี จากนั้นนำไปแช่ในน้ำหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงประมาณ 20 นาที เตรียมภาชนะเพาะเช่นถาดเพาะ แล้วผสมดินกับปุ๋ยคอกลงในภาชนะ หากพ่นหัวเชื้อจุลินทรีย์ลงบนดินอีกครั้งจะเพิ่มคุณค่าให้ดินพร้อมปลูก ใช้นิ้วหรือไม้เจาะดินให้เป็นหลุมลึก 3-5 ซม. ใส่เมล็ดลงไป กลบดินบางๆ และวางถาดเพาะในที่ร่ม เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 5-7 วัน เมล็ดจะเริ่มงอก ให้รดน้ำในช่วงเช้าวันละครั้ง และเมื่อต้นอ่อนมีใบคู่สามารถนำออกแดดครึ่งวันเพื่อเร่งการเจริญเติบโต หลัง 20-30 วัน คุณจะสามารถย้ายกล้าลงปลูกในกระถางหรือแปลงได้ โดยดูแลต้นด้วยหัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงและปุ๋ยคอก รดน้ำวันละครั้ง แต่ระวังอย่าให้ดินแห้งจนเกินไป เมื่อต้นมะเขือเริ่มแตกกิ่งใหม่ ให้เด็ดยอดเพื่อกระตุ้นให้แตกกิ่งเพิ่มและสร้างทรงพุ่มสวยงาม หากต้นเริ่มออกดอกควรรักษาโครงสร้างให้สมบูรณ์ ด้วยการกำจัดผลที่มีปัญหา เช่น ผลที่ถูกเจาะโดยแมลงหรือหนอน อาจพ่นน้ำส้มควันไม้เพื่อแก้ไขปัญหาแมลงรบกวน **การใช้หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง** สามารถทำหัวเชื้อจุลินทรีย์นี้ใช้เองได้ไม่ยุ่งยาก เพราะนอกจากช่วยเพิ่มธาตุอาหารในดินแล้ว ยังปรับปรุงอัตราการดูดซึมของพืชได้ดี และไม่มีสารอันตราย จึงเหมาะกับใช้บ่อยเพื่อดูแลต้นมะเขือของคุณ เทคนิคเพิ่มอายุการเก็บเกี่ยวของมะเขือ** เนื่องจากมะเขือเปราะมีอายุสั้นเพียงปีเศษ เกษตรกรจึงพยายามหาวิธีลดการปลูกซ้ำหลายรอบ วิธีหนึ่งคือการเพิ่มปริมาณลูกมะเขือด้วยเทคนิคเด็ดยอด รวมถึงการเสียบยอดมะเขือพันธุ์ต่างๆ บนต้นตอมะเขืออายุยืน […]
การปลูกขนุนมีความสมบูรณ์
ขนุน หรือที่รู้จักในภาษาเหนือว่า “บ่าหนุน” เป็นไม้ยืนต้นที่พบเห็นได้ทั่วไป ซึ่งมีบทบาทสำคัญมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยในอดีตได้นำรากและแก่นขนุนมาต้มใช้น้ำย้อมสบงและจีวรพระสงฆ์ เรียกอีกชื่อว่า “หมากลาง” ประโยชน์ของขนุนมีมากมาย ได้แก่ – ราก: ใช้ย้อมผ้าสบงจีวรพระสงฆ์ ด้วยการต้มเคี่ยวให้น้ำออกมาเป็นสีเหลืองเรียกว่า “สีย้อมฝาด” (กาสาวพัตร์) ใช้ยารักษาท้องเสีย แก้ไข้ บำรุงเลือด และขี้เถ้าจากรากขนุนเป็นยารักษาแผล – ลำต้น: นิยมใช้สร้างสิ่งปลูกสร้างเพราะทนปลวกและรา แก่นไม้ใช้เป็นสมุนไพรบำรุงกำลัง บำรุงเลือด และแก้ลมชัก – ใบ: ใบอ่อนใช้รับประทานกับส้มตำ แกงโฮะ หรือจิ้มน้ำพริก ใบแก่ต้มน้ำให้สัตว์กินเพื่อช่วยขับน้ำนม ใช้เผาเป็นขี้เถ้าเพื่อรักษาแผลเรื้อรังในสัตว์เลี้ยงและเป็นอาหารสัตว์ – ผล: ผลดิบใช้เป็นผักจิ้มน้ำพริก ผลโตขึ้นนำมาทำแกง ตำ หรือยำ เรียกว่าแก๊งบ่าหนุน ยำบ่าหนุน มีสรรพคุณเป็นยาฝาดสมานและแก้ท้องเสีย ผลสุกเป็นผลไม้ เมล็ดใช้ต้มหรือเผารับประทานเป็นอาหารว่าง ความเชื่อเกี่ยวกับขนุนในวัฒนธรรมล้านนา คือการปลูกขนุนไว้ทางทิศตะวันตกของบ้านเชื่อว่าจะนำโชคดี มีคนช่วยเหลือเกื้อหนุน ถ้านำไม้ขนุนมาแกะเป็นพระพุทธรูปเพื่อบูชา เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความมั่งมีศรีสุข นอกจากนี้ยังมีประเพณีทำแกงขนุนในงานสำคัญเช่นงานแต่งงาน เพื่อเสริมให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตครองร่วมกันอย่างมั่นคง ความหมายจากยางเหนียวของขนุนยังสื่อถึงการอยู่ร่วมกันอย่างเหนียวแน่นตลอดไป การเตรียมเมล็ดพันธุ์เกี่ยวข้องกับการเลือกเมล็ดพันธุ์ที่แข็งแรง เจริญเติบโตดี มีผลที่น่าดึงดูด […]
ต้นกระบองเพชร การเจริญเติบโตในแต่ละสัปดาห์
ต้นกระบองเพชรมีลักษณะการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับพืชชนิดอื่น โดยความเปลี่ยนแปลงในแต่ละสัปดาห์อาจไม่เห็นได้ชัดเจนนัก ทั้งนี้ อัตราการเจริญเติบโตขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สายพันธุ์ สภาพแวดล้อม การให้แสงแดด ความถี่ในการรดน้ำ และสารอาหารที่ได้รับ กระบองเพชรจะเติบโตได้ดีในสภาพแสงเหมาะสมและการดูแลที่ถูกต้อง โดยปกติแล้ว การเติบโตของกระบองเพชรในหนึ่งสัปดาห์อาจวัดได้จากการเพิ่มขึ้นของขนาดเล็ก ๆ หรือการงอกของหนามใหม่ แต่สำหรับบางสายพันธุ์ อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนจึงจะเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัด ดินต้นแบบและดินในท้องถิ่นมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน โดยดินต้นแบบสามารถสนับสนุนการเจริญเติบโตของรากและการพัฒนาของหนามตะขอที่มีลักษณะโค้งงอคล้ายตะขอได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับดินในท้องถิ่น พบว่า สามารถปลูกต้นกระบองเพชรให้เติบโตได้ดีเช่นกัน ทั้งนี้ กระบองเพชรยังสามารถเจริญเติบโตในดินชนิดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ดินทราย แม้แต่ดินร่วนปนทรายของท้องถิ่น ซึ่งโดยธรรมชาติมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำและปริมาณธาตุอาหารน้อย แต่กลับมีคุณสมบัติที่สามารถอุ้มน้ำและรักษาความชื้นได้อย่างเหมาะสม ซึ่งเอื้อประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของกระบองเพชรในพื้นที่บ้านหนองคูพัฒนา ดินที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของต้นกระบองเพชรมากที่สุด คือ ดินจากบริเวณสวนในบ้าน ซึ่งมีลักษณะเป็นดินเนื้อนุ่ม ละเอียด อุ้มน้ำได้ดี และช่วยรักษาความชื้น นอกจากนั้น ปัจจัยสำคัญอื่น ได้แก่ การดูแลรักษา โดยเฉพาะแสงที่ต้องเหมาะสม ปริมาณน้ำที่รดต้องสอดคล้องกับลักษณะและชนิดของพืช รวมถึงการใช้ดินอย่างเหมาะสมกับความต้องการของพืช เพื่อป้องกันการเหี่ยวเฉาหรือการของต้นพืช ปัจจัยเหล่านี้ล้วนช่วยให้ต้นกระบองเพชรสามารถเจริญเติบโตได้ดีในหลากหลายพื้นที่ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ควรเลือกพันธุ์กระบองเพชรที่สามารถแตกหน่อหรือติดดอกได้ง่าย เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตและติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโต ดินต้นแบบและดินในท้องถิ่นมีลักษณะที่คล้ายกัน โดยดินต้นแบบช่วยให้รากและหนามตะขอของกระบองเพชรเติบโตได้มีประสิทธิภาพ เมื่อเปรียบเทียบกับดินท้องถิ่น พบว่าต้นกระบองเพชรก็เติบโตได้ดีในสิ่งแวดล้อมนี้เช่นกัน นอกจากนี้ กระบองเพชรยังสามารถเจริญเติบโตในดินประเภทอื่น […]
วิธีปลูกแครอท ให้หัวโตๆ
วิธีการปลูกแครอทให้ได้ผลผลิตที่หัวใหญ่และสมบูรณ์ อาจเริ่มต้นจากการเลือกดินที่เหมาะสม โดยแครอทต้องการดินร่วนปนทรายที่มีความโปร่งและระบายน้ำได้ดี เพราะรากของแครอทจะเจริญเติบโตลงในดิน ดังนั้นหากดินแน่นเกินไปอาจทำให้หัวแครอทบิดเบี้ยวหรือไม่โตเต็มที่ได้ นอกเหนือจากการเลือกดิน ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์หรือมูลสัตว์ที่ผ่านการหมักเป็นอย่างดีลงในดินก่อนปลูก เพื่อเพิ่มธาตุอาหารและปรับความสมบูรณ์ของดิน การเตรียมแปลงปลูกควรพรวนดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตรเพื่อให้ดินร่วนพอเหมาะ ารปลูกแครอทใช้เวลาประมาณ 100-120 วัน หัวแครอทจะพร้อมเก็บเกี่ยวเมื่อมีอายุและขนาดเหมาะสม วิธีเก็บคือการขุดหรือถอนให้หัวหลุดออกมาทั้งต้น จากนั้นนำมาล้างรากให้สะอาด และผึ่งให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็สามารถนำไปประกอบอาหารได้ เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูงสุด ควรนำแครอทไปปรุงให้สุก ความร้อนช่วยทำลายผนังเซลล์ของหัวผัก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมเบต้าแคโรทีนได้มากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยทำให้เซลล์ผิวมีความแข็งแรง และลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดรคมะเร็งผิวหนัง นอกจากนี้ แครอทยังสามารถนำมาทำเป็นสูตรบำรุงผิว โดยการนำแครอทนึ่งจนสุก บดละเอียด และพอกหน้าประมาณ 5-10 นาที จะช่วยให้ผิวดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดี ชาวอเมริกันถือว่าแครอทเป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ใช้รักษารคหลากหลาย เช่น รคประสาท รคผิวหนัง และหืดหอบ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายควบคู่กันไป จะช่วยส่งเสริมสุขภาพให้ดียิ่งขึ้น วิธีปลูกแครอทให้ได้ผลผลิตที่หัวใหญ่และสมบูรณ์เริ่มจากการเลือกดินที่เหมาะสม แครอทต้องการดินร่วนปนทรายที่มีโครงสร้างโปร่งและระบายน้ำดี เนื่องจากรากแครอทเจริญเติบโตในดิน หากดินแน่นเกินไป อาจทำให้หัวแครอทบิดเบี้ยวหรือไม่ได้ขนาดที่ต้องการ นอกจากการเลือกดินแล้ว ควรเพิ่มปุ๋ยอินทรีย์หรือมูลสัตว์ที่หมักดีแล้วลงในดินก่อนปลูก เพื่อเสริมธาตุอาหารและความอุดมสมบูรณ์ของดิน การเตรียมแปลงปลูกควรพรวนดินลึกประมาณ 20-30 เซนติเมตร […]