หัวผักกาดแดงเป็นพืชเมืองหนาวในตระกูล Brassicaceae หรือที่รู้จักกันในชื่อ Mustard family มีต้นกำเนิดจากคำในภาษากรีกที่แปลว่าการเติบโตอย่างรวดเร็ว เดิมทีปลูกอย่างแพร่หลายที่อียิปต์ แล้วจึงขยายไปยังประเทศจีนและญี่ปุ่น
หัวผักกาดแดงมีระยะเวลาเก็บเกี่ยวสั้น ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้ดี สามารถปลูกได้ทั้งในฤดูฝนและฤดูหนาว ที่ไทยนิยมปลูกทางภาคเหนือ ส่วนในบางพื้นที่ของภาคกลาง เช่น ปากช่อง ก็สามารถปลูกได้ผลผลิตดีเช่นกัน สามารถบริโภคส่วนรากหรือหัวที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-5 เซนติเมตร รสชาติดีและใช้ทำอาหารได้หลากหลาย
หัวผักกาดแดงในไทยมี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ ทรงกลม (Globe), ทรงรูปไข่ (Oval) และทรงกลมยาว (Oblong) ส่วนใหญ่สายพันธุ์ที่ปลูกคือ Cherry belle radish หรือพันธุ์ทรงกลมที่มีหัวสีแดง ใช้เวลาเก็บเกี่ยวประมาณ 40 วัน ความสำเร็จในการเพาะปลูกขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านสภาพอากาศและดินที่เหมาะสม
สภาพอากาศ: เป็นพืชเขตหนาว อุณหภูมิที่เหมาะสมอยู่ระหว่าง 10-18 องศาเซลเซียส หากร้อนเกินนี้และความชื้นต่ำ หัวผักกาดแดงอาจเจริญเติบโตไม่เต็มที่
สภาพดิน: เนื่องจากพืชนี้มีอายุเก็บเกี่ยวสั้น ควรใช้ดินที่ร่วนซุย มีอินทรีย์วัตถุและแร่ธาตุสูง ระบายน้ำได้ดี และมีค่า pH ประมาณ 6.0-6.8 ดินควรปราศจากเศษหินหรือดินแข็ง รวมถึงเศษพืชและปุ๋ยคอกที่ยังไม่ย่อยสลาย เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและน่าทาน
การเติบโตของผักเมืองหนาว เช่น ผักกาดแดง
หัวผักกาดแดงถือเป็นผักสวนครัวที่ปลูกง่ายและสร้างดี เพียงแค่รดน้ำให้สม่ำเสมอโดยไม่ให้ดินแฉะเกินไป เพื่อป้องกันโคนเน่า หากดินขาดความชื้น หัวผักอาจแตกร้าวหรือบิดเบี้ยว ก่อนอื่นควรถอนต้นที่อยู่ชิดกันออกเพื่อหลีกเลี่ยงการเบียดเสียดและกลายเป็นหัวลีบ
สำหรับระยะเจริญเติบโตในช่วง 15-25 วัน ควรระวังศัตรูพืช เช่น ด้วงหมัด และเสี้ยนดินที่จะเข้าทำลาย
หลังจากครบ 40 วัน หัวผักกาดแดงพร้อมเก็บเกี่ยวหากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้หัวแข็งและกรอบน้อยลง การปลูกต่อต้นใบจะสร้างดอกเพื่อขยายพันธุ์ต่อไป
หัวผักกาดแดงอุดมไปด้วยสารอาหาร โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนและไนเตรท ซึ่งช่วยในการสร้างความสดชื่นและลดความดันโลหิต เหมาะสำหรับเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ ถ้าต้องการรับประทานสารอาหารได้เต็มที่ ควรกินสด โดยล้างให้สะอาดก่อนบริโภค