วิธีการดูแลและป้องกันการปลูกคะน้าอย่างเหมาะสม จำเป็นต้องใส่ใจดูแลอย่างละเอียด ตั้งแต่การหมั่นสังเกต ลองปรับเปรียบเทียบ และพิสูจน์ผลอยู่เสมอ เพื่อหาแนวทางที่ดีที่สุดในการเจริญเติบโตของคะน้า การใส่ปุ๋ยบำรุงนั้น แนะนำให้รอหลังจากหว่านเมล็ดแล้วปล่อยให้โตตามธรรมชาติ โดยไม่รีบให้ปุ๋ยบำรุงต้นในช่วงแรก ซึ่งจะช่วยให้ต้นแข็งแรง ทนต่อแมลงและ พอครบ 37 วันจึงเริ่มใส่ปุ๋ยบำรุงต้นและใบ
ก็จะทำให้คะน้าเจริญเติบโตได้ดี ไม่ว่าจะต้นเล็กหรือต้นใหญ่ก็จะโตได้สม่ำเสมอกัน ตามคำแนะนำของปราชญ์ชาวบ้าน ปัญหาที่พบในการปลูกคะน้าแบบทั่วไป คือ คะน้าเป็นพืชเมืองหนาวและไม่ทนต่ออากาศร้อน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนที่อุณหภูมิสูงขึ้นมาก การรดน้ำในตอนเช้าจนแปลงชุ่ม อาจทำให้น้ำคายความร้อนช้ากว่าดิน ส่งผลให้ในช่วงกลางวันอุณหภูมิบริเวณรากเพิ่มสูงขึ้น อาจถึง 60-70 องศา ทำให้เกิดรากเน่าและต้นคะน้าได้ในที่สุด สำหรับวิธีปลูกคะน้านอกฤดูให้ประสบความสำเร็จ ควรรดน้ำในตอนเย็นให้แปลงปลูกชุ่มโชก
และในตอนเช้ารดน้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อชะล้างน้ำค้าง ระวังอย่าให้น้ำมากเกินไป เพราะน้ำค้างอาจทำให้เกิดทางใบได้ พอตอน 10 โมงเช้า ควรรดน้ำแบบโปรยเบาๆ เพื่อคลายความร้อนของดิน และช่วงบ่ายสองโมงก็ทำเช่นเดียวกันอีกครั้ง เพื่อช่วยรักษาระดับอุณหภูมิที่เหมาะสม ทดสอบแล้วพบว่าการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอวันละ 4-5 ครั้ง โดยเน้นในช่วงเย็น จะช่วยลดปัญหาและเพิ่มโอกาสในการประสบผลสำเร็จ **สรุปวิธีการปลูกคะน้านอกฤดูให้ได้ผลดี** – ควรรดน้ำในตอนเย็นให้แปลงปลูกชุ่มโชก – รดน้ำตอนเช้าปริมาณเล็กน้อยเพื่อชำระล้างน้ำค้าง – ช่วง 10 โมง ให้รดน้ำแบบโปรยบางๆ เพื่อลดความร้อน – บ่ายสองโมง รดน้ำอีกครั้งเพื่อควบคุมอุณหภูมิอย่างเหมาะสม
ผักคะน้า (Brassica oleracea) เป็นผักที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน โดยสามารถรับประทานได้ทั้งลำต้นและใบ เนื่องจากมีรสชาติหวานกรอบและไม่มีกลิ่นเหม็นเขียว จึงมักถูกนำมาใช้ในการทำอาหารประเภทผัดและทอดเป็นหลัก
ชื่อเรียกในภาษาจีนของผักคะน้าคือ ไก่หลันไช่ เป็นพืชล้มลุกที่มีอายุประมาณ 2 ปี มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย มักจะเก็บเกี่ยวภายใน 45-60 วันหลังจากการเพาะเมล็ด สามารถเติบโตได้ดีในสภาพดินทุกประเภทโดยเฉพาะอย่างยิ่งดินร่วนปนทรายและดินเหนียวปนดินร่วนที่ระบายน้ำได้ดี ผักคะน้าสามารถทนทานต่ออากาศร้อน ทำให้สามารถปลูกได้ตลอดปี แต่มักให้ผลดีที่สุดช่วงปลายฤดูฝนถึงฤดูหนาวระหว่างเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งในช่วงนี้ราคาผักมักจะต่ำ
ประโยชน์ของคะน้า
1. เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญและสามารถบริโภคได้หลากหลายชนิดอาหาร
2. เป็นแหล่งแคลเซียมเสริมเนื่องจากมีปริมาณแคลเซียมสูงเทียบกับผักและผลไม้อื่น เหมาะสำหรับหญิงตั้งครรภ์และหลังคลอด
3. ช่วยบำรุงและเสริมสร้างกระดูกและฟัน
4. ป้องกันกระดูกพรุนและกระดูกเสื่อมในวัยสูงอายุ รวมถึงโลหิตจาง หัวใจ เบาหวาน ช่วยให้แผลหายเร็ว สนับสนุนการมองเห็นและบำรุงสายตา
5. เพิ่มปริมาณแคลเซียมในร่างกาย ทำให้ระบบการทำงานที่เกี่ยวข้องกับแคลเซียมและเหล็กทำงานได้ปกติ เช่น ฮอร์โมน เอนไซม์ การควบคุมน้ำตาลในเลือด กล้ามเนื้อ และระบบกระดูก